EP.3 สิ่งที่ถูกซื้อขายในตลาดฟอร์เร็กซ์ คือ สกุลเงินและความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงิน

มีสกุลเงินจำนวนมากที่เราสามารถซื้อขายได้ ซึ่งอาจทำให้นักเทรดมือใหม่สับสนได้ง่าย ในบทเรียนนี้ เราจะมาดูสกุลเงินต่างๆ ที่สามารถซื้อขายในตลาดฟอร์เร็กซ์ และจัดแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เมื่อเราซื้อขายฟอร์เร็กซ์ ทุกคู่สกุลเงินจะมีโครงสร้างเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามี EURUSD ยูโรจะเรียกว่าสกุลเงินหลัก (base currency) และดอลลาร์จะเรียกว่าสกุลเงินที่ใช้อ้างอิง (quote currency)





สำหรับคู่สกุลเงิน USDJPY USD คือสกุลเงินหลัก และ JPY คือสกุลเงินอ้างอิง หากเราเปิดหน้าต่างนายหน้ากับเครื่องมือที่มีให้เลือก เราจะเห็นชื่อคู่สกุลเงินและราคา ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเห็น EURUSD ซื้อขายที่ 1.3 หมายความว่าเราต้องใช้ 1.3 หน่วยของสกุลเงินอ้างอิงเพื่อซื้อ 1 หน่วยของสกุลเงินหลัก หรือง่ายๆ ก็คือต้องใช้ 1.3 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อ 1 ยูโร

ส่วนใหญ่ประเทศทั่วโลกจะใช้สกุลเงินของตนเอง แต่ธุรกิจก็ดำเนินการทั่วโลก จึงมีความต้องการสูงสำหรับสกุลเงินเหล่านี้ เนื่องจากมีคู่สกุลเงินจำนวนมากในโลก เราจึงแบ่งคู่สกุลเงินฟอร์เร็กซ์ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

สกุลหลัก, สกุลรอง (หรือสกุลไขว้) และ สกุลเงินหายาก


สกุลหลัก (Majors)

สกุลหลักคือคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายและมีสภาพคล่องมากที่สุด ทั้งหมดจับคู่กับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐมีส่วนแบ่งมากกว่า 80% ของการซื้อขายทั้งหมดในตลาดฟอร์เร็กซ์ แล้วสกุลเงินใดบ้างที่เป็นสกุลหลัก? คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดคือ EURUSD มีชื่อเล่นว่า "ไฟเบอร์" สาเหตุที่ยูโรมีชื่อเล่นไฟเบอร์นั้นไม่ค่อยมีใครรู้ แต่หลายคนกล่าวว่ามาจากความจริงที่ว่ากระดาษที่ใช้พิมพ์ธนบัตรยูโรทำจากเส้นใยสังเคราะห์ทั้งหมด ทำให้ทนทานและมีความรู้สึกพิเศษ

ถัดมาคือปอนด์อังกฤษ GBPUSD ซึ่งเรียกว่า "เคเบิล" ชื่อเคเบิลมาจากความจริงที่ว่าในศตวรรษที่ 19 อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐและปอนด์อังกฤษถูกส่งข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยสายเคเบิลใต้น้ำขนาดใหญ่ที่วางอยู่ระหว่างสองประเทศ

AUDUSD เรียกว่า "ออสซี่" และ NZDUSD เรียกว่า "คิวอี้"

คู่สกุลเงินที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะมีสกุลเงินต่างประเทศอยู่ก่อนและตามด้วยดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสามสกุลหลักที่เหลือจะกลับกัน คือดอลลาร์สหรัฐอยู่ก่อนและสกุลเงินต่างประเทศอยู่หลัง ได้แก่ ดอลลาร์แคนาดา USDCAD ที่เราเรียกว่า "ลูนี่" ลูนี่มาจากเหรียญ 1 ดอลลาร์แคนาดาที่มีรูปนกกะลาอยู่ด้านหลัง สกุลอื่นๆ คือ USDCHF หรือ "สวิสซี่" และ USDJPY หรือ "นินจา" สกุลเงินเหล่านี้รวม 7 คู่ ถือเป็นสกุลหลัก โดย EURUSD เป็นคู่ที่มีสภาพคล่องและซื้อขายมากที่สุด รองลงมาคือ USDJPY

สกุลรอง/สกุลไขว้ (Minors/Crosses)

คู่สกุลรองหรือสกุลไขว์เหล่านี้ไม่ได้จับคู่กับดอลลาร์สหรัฐ แต่จับคู่กันเอง เช่น EURGBP, AUDJPY, NZDCHF เป็นต้น คู่สกุลเงินเหล่านี้มักมีสภาพคล่องน้อยกว่า แต่ให้โอกาสดีสำหรับนักเทรดที่ไม่ต้องการให้ดอลลาร์สหรัฐมีผลกระทบ


สกุลรอง/สกุลไขว้ (Minors/Crosses)

คู่สกุลรองหรือสกุลไขว์เหล่านี้ไม่ได้จับคู่กับดอลลาร์สหรัฐ แต่จับคู่กันเอง เช่น EURGBP, AUDJPY, NZDCHF เป็นต้น คู่สกุลเงินเหล่านี้มักมีสภาพคล่องน้อยกว่า แต่ให้โอกาสดีสำหรับนักเทรดที่ไม่ต้องการให้ดอลลาร์สหรัฐมีผลกระทบ


สกุลเงินหายาก (Exotics)

สกุลเงินหายากรวมถึงสกุลเงินจากทั่วทุกมุมโลก เช่น ซึ่งรวมถึงสกุลเงินโปแลนด์ซล็อตี้ ฮังการีฟอรินท์ ดอลลาร์ฮ่องกง  เงินโครนสวีเดน และเงินโครนเช็ก รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ อีกมากมาย สกุลเงินเหล่านี้มักจะมีสภาพคล่องน้อยกว่าคู่สกุลไขว้ และเหมาะสำหรับการถือสถานะระยะยาวมากกว่าการเทรดรายวัน


ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงิน (Correlations)

บางสกุลเงินหลักมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับทั้งดัชนีและสินค้าโภคภัณฑ์ ดอลลาร์แคนาดามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับน้ำมันดิบ เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งหมายความว่าเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น มูลค่าของดอลลาร์แคนาดาก็จะเพิ่มขึ้นตาม หากนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรดฟอร์เร็กซ์ เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น คู่สกุลเงิน USDCAD จะลดลง คล้ายกันกับดอลลาร์ออสเตรเลียและทองคำที่มีความสัมพันธ์เชิงบวก เนื่องจากออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตและส่งออกทองคำรายใหญ่ ทั้งทองคำและเงินเยนญี่ปุ่นถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน และสองสกุลเงินนี้ก็มีความสัมพันธ์เชิงบวกด้วยเช่นกัน

ในทางกลับกัน ทองคำและดอลลาร์สหรัฐมักจะมีความสัมพันธ์เชิงลบ เมื่อดอลลาร์สหรัฐเริ่มสูญเสียมูลค่าท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนจะแสวงหาสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไรทางเลือกอื่นๆ เช่น ทองคำ นอกจากนี้เรายังควรระมัดระวังเมื่อเทรดคู่สกุลหลักด้วย

หากเราเปิดสถานะซื้อที่ EURUSD และเปิดสถานะซื้อที่ GBPUSD ด้วย แปลว่าเรามีมุมมองให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและสกุลเงินคู่นี้แข็งค่าขึ้น แต่หากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ทั้งยูโรและปอนด์ก็มีแนวโน้มจะลดลง เนื่องจากมีความสัมพันธ์ผกผันอย่างแน่นแฟ้นกับดอลลาร์สหรัฐ ดังจะเห็นได้จากกราฟด้านล่าง เส้นสีน้ำเงินแทน EURUSD เส้นสีส้มแทน GBPUSD และเส้นสีเขียวแทนดัชนีดอลลาร์




เราควรใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์ของราคาเสมอ  การนำเงินจำนวนมากไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กัน อาจทำให้เกิดการขาดทุนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้