EP.4 ช่วงเวลาการซื้อขายฟอเร็กซ์

ฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่พิเศษ เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง มีขนาดใหญ่ และเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้นักเทรดสามารถเข้าซื้อขายได้ทุกช่วงเวลาตามที่สะดวก ไม่ว่าคุณจะเป็นคนตื่นเช้าหรือชอบนอนดึก ตลาดฟอเร็กซ์ก็เปิดให้บริการเสมอ ยกเว้นวันหยุดสุดสัปดาห์


อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพึงระวังเล็กน้อย


แม้ว่าเราจะสามารถเทรดได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แต่ตลาดฟอเร็กซ์ในแต่ละช่วงเวลาก็จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป  ตัวอย่างเช่น  เมื่อตลาดเปลี่ยนจากภูมิภาคเอเชียไปยังยุโรป  เราจำเป็นต้องรู้ว่าเวลาที่นั่นคือกี่โมง  และเราต้องเลื่อนนาฬิกาเพิ่มหรือลดกี่ชั่วโมง  เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน  เวลาทั้งหมดที่กล่าวถึงในนี้  จะอ้างอิงตามเวลาลอนดอนซึ่งตรงกับ GMT+0



ช่วงเวลาทำการซื้อขาย


ทุกสัปดาห์ ในวันอาทิตย์ ตลาดฟอเร็กซ์จะเปิดทำการเวลา 21.00 น. ตามเวลากรุงลอนดอน (GMT) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการซื้อขายในภูมิภาคซิดนีย์ สองชั่วโมงถัดมา การซื้อขายในโตเกียวจะเริ่มเวลา 23.00 น. เพื่อความสะดวก เราสามารถรวมช่วงเวลาเหล่านี้เข้าด้วยกันและเรียกว่า ช่วงเอเชีย (บางครั้งเรียกว่าช่วงโตเกียว) ซึ่งจะสิ้นสุดเวลา 08.00 น. ในยุโรป มีการซื้อขายในแฟรงก์เฟิร์ตและลอนดอน โดยแฟรงก์เฟิร์ตจะเริ่มเวลา 07.00 น. และลอนดอนเริ่มเวลา 08.00 น. แต่อีกครั้ง เพื่อความง่ายเราจะเรียกช่วงนี้ว่า ช่วงยุโรป (บางครั้งเรียกว่าช่วงลอนดอน) เวลา 12.00 น. จะเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงอเมริกาเหนือ (บางครั้งเรียกว่าช่วงนิวยอร์ก) ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับช่วงยุโรปจนถึงเวลา 16.00 น. ช่วงเวลาที่ทับซ้อนกันนี้ เรียกว่า ช่วงทับซ้อนระหว่างยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งมักจะนำมาซึ่งโอกาสในการเทรดมากมาย เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด หลังจากตลาดลอนดอนปิดทำการเวลา 16.00 น. ตลาดนิวยอร์กจะดำเนินต่อไปจนถึงเวลา 21.00 น. และเมื่อสิ้นสุดลง ช่วงเอเชียก็จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และวนรอบนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเวลาในแต่ละปี ช่วงเวลาทำการซื้อขายจึงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดังนั้นเราควรติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด




ช่วงเวลาทำการของเอเชีย


ช่วงเอเชียมีปริมาณการซื้อขายต่ำที่สุดจากทั้ง 3 ช่วงเวลาหลัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่พบโอกาสในการเทรดในช่วงนี้ นอกเหนือจากนักเทรดที่อาศัยอยู่ในเอเชีย ช่วงเวลาซื้อขายนี้ยังดึงดูดนักเทรดชาวยุโรปที่ชอบเทรดในช่วงกลางคืน หรือนักเทรดชาวอเมริกันที่เพิ่งกลับจากงานและต้องการเทรดในช่วงบ่ายคล้อยๆ ช่วงเอเชียส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เงินเยนญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินที่ซื้อขายมากเป็นอันดับ 3 โดยคิดเป็นประมาณ 20% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด ในช่วงเอเชียมีการซื้อขายประมาณ 20% ของปริมาณการซื้อขายทั้งวัน นอกเหนือจากญี่ปุ่นแล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลียที่เข้าร่วมในตลาด ด้วยเหตุนี้คู่สกุลเงินที่ดีที่สุดในการซื้อขาย ได้แก่ AUDJPY, AUDNZD หรือ NZDJPY รวมถึงการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคจากนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ก็สร้างความผันผวนสูงซึ่งนักเทรดทุกคนควรให้ความสำคัญ





ช่วงเวลาทำการของยุโรป (ลอนดอน)


ลอนดอนเคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญที่สุดของโลกเนื่องจากตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ยุทธศาสตร์ระหว่างยุโรปและอเมริกา ในปัจจุบัน ลอนดอนเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินชั้นนำของโลก นั่นเป็นเหตุผลที่ช่วงยุโรปถูกเรียกว่าช่วงลอนดอน เพราะเมืองนี้รับผิดชอบปริมาณธุรกรรมส่วนใหญ่ ช่วงยุโรปคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในตลาดฟอร์เร็กซ์เพียงลำพัง

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ควรเทรดในช่วงยุโรปคือเราสามารถเทรดทั้งการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของยุโรปและอเมริกา ซึ่งนำมาซึ่งความผันผวนอย่างมากในตลาด ด้วยสภาพคล่องสูง นักเทรดสามารถได้รับประโยชน์จากสเปรดต่ำมากซึ่งเหมาะสำหรับนักสแกลป์และนักเทรดรายวัน เนื่องจากช่วงยุโรปเป็นช่วงสภาพคล่องสูงแรกของวัน แนวโน้มใหม่ๆ จึงมักเริ่มปรากฏในช่วงเปิดตลาดลอนดอน ตลาดมักจะเคลื่อนไหวหลังจากเปิดทำการ และชะลอตัวในช่วงพักกลางวันของลอนดอน เมื่อผู้ค้ารายใหญ่หยุดพักสั้นๆ ก่อนนิวยอร์กจะเข้ามา ในช่วงยุโรป ไม่เพียงแต่สกุลเงินหลักจะมีการเคลื่อนไหว แต่เราก็มักจะเห็นความผันผวนสูงในสกุลเงินรองด้วยเช่นกัน คู่สกุลเงิน EURGBP และ GBPJPY เป็นคู่ข้ามชั่วที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่มีความผันผวนสูงและมีโอกาสในการเทรดมากมาย





ช่วงเวลาทำการของอเมริกาเหนือ (นิวยอร์ก)


ช่วงอเมริกาเหนือเป็นช่วงการซื้อขายสุดท้ายของวันนั้น ๆ ช่วงอเมริกาเหนือบางครั้งถูกเรียกว่านิวยอร์ก เนื่องจากเมืองนี้มีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางการเงินของโลก เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯ มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 80% จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงอเมริกาเหนือนำมาซึ่งความผันผวนมหาศาลทุกวัน นอกจากนี้ เหตุการณ์ทางพื้นฐานสำคัญส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นในช่วงอเมริกาเหนือด้วย ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินแห่งสหรัฐ (FOMC), อัตราการว่างงาน หรือดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ช่วงอเมริกาเหนือจะชะลอตัวลงประมาณเวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดตลาดลอนดอน แต่เราก็ยังสามารถพบโอกาสในการซื้อขายหลังจากนั้นได้ แม้ว่าเงินทุนมักจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐหลังจบช่วงยุโรป เช่น S&P 500, ดาวโจนส์ หรือนาสแดก แต่เช่นเดียวกับช่วงยุโรป ช่วงอเมริกาเหนือก็มีสเปรดแคบและเงื่อนไขที่เหมาะสำหรับการเทรดรายวันด้วยเช่นกัน




วันในแต่ละสัปดาห์


เมื่อเราได้ครอบคลุมช่วงเวลาต่างๆแล้ว ลองมาดูวันต่างๆในสัปดาห์กัน ตลาดจะเปิดทำการในช่วงค่ำวันอาทิตย์ตามเวลากรุงลอนดอน แต่มักจะมีปริมาณการซื้อขายน้อยมากในช่วงนั้น ตอนเช้าวันจันทร์ก็มักจะค่อนข้างเงียบเหมือนกัน จนกระทั่งถึงช่วงอเมริกาเหนือ ตลาดจึงจะค่อยๆคึกคักขึ้น

วันอังคารมักเป็นหนึ่งในวันที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดในรอบสัปดาห์ โดยมีระดับความผันผวนสูงเป็นสองเท่าของวันจันทร์ ร่วมกับวันพุธและวันพฤหัสบดี วันศุกร์เป็นวันที่น่าสนใจ เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายต่ำกว่าวันอื่นๆ แต่ก็มีเหตุการณ์เศรษฐกิจมหภาคจำนวนมากเกิดขึ้นในวันนี้ด้วย เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหรือ NFP ซึ่งจะมีทุกวันศุกร์แรกของเดือน สามารถนำมาซึ่งโอกาสมากมาย แต่บางนักเทรดก็อาจเลี่ยงที่จะเทรดในวันเหล่านี้ เนื่องจากตลาดมักจะมีความไม่แน่นอนสูงในช่วงเหตุการณ์เหล่านี้ หลังจากตลาดลอนดอนปิดในวันศุกร์ ปริมาณการซื้อขายมักจะลดลงอย่างมาก


ช่วงเวลาซื้อขายของ CFD  


นอกเหนือจากคู่สกุลเงินตราแล้ว นายหน้าซื้อขายหลายรายยังเสนอ CFD สำหรับดัชนีและสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย สำหรับดัชนีตลาดหุ้น ช่วงเวลาซื้อขายจะแตกต่างกันไปตามประเทศที่ดัชนีนั้นสังกัดอยู่ ดัชนียุโรป เช่น DAX หรือ Stoxx จะเปิดทำการเวลา 01.00 น.และซื้อขายจนถึง 22.00 น.ตามเวลากรุงลอนดอน ในขณะที่ดัชนีสหรัฐฯ เช่น S&P 500, นาสแด็ค หรือดาวโจนส์จะซื้อขายได้ 23 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีเบรกระหว่าง 22.00-23.00 น.


แต่สำหรับดัชนีสหรัฐฯ เรายังมีสิ่งที่เรียกว่า ช่วงพิตเซสชัน (pit session) ชื่อของช่วงพิตเซสชันมาจากการซื้อขายในพิตหรือบริเวณเปิดของตลาด ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาตั้งแต่ 14.30 น. จนถึงเวลาปิดตลาด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักเทรดชาวอเมริกันตื่นอยู่ และนำความคึกคักมาสู่ตลาดด้วยปริมาณการซื้อขายสูง


สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบและทองคำ จะซื้อขายได้ 23 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในช่วงอเมริกาเหนือ เนื่องจากการซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า